วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

- 10วันกว่า หน้าอนุสาวรีย์ ปาร์ตี้ที่ยังไม่มีวันเลิกรา -

- 10วันกว่า หน้าอนุสาวรีย์ ปาร์ตี้ที่ยังไม่มีวันเลิกรา -
" หากอยากจะรู้ถึงอะไรซักอย่าง
ถ้าไม่ลำบากมากเกิน
เราน่าจะลองเอาตัวเองเข้าไปในจุดนั้นๆ "
คำพูดชินหูที่ไม่รู้ว่าได้ยินมาจากที่ไหน
ส่งผลให้ในวันนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ข้าพเจ้าแบกความสงสัยใส่สมองนำสองเท้าออกไปหาคำตอบ
ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจถึงร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
ไม่สนว่าในอดีต ใครทำอะไรที่ไหน
ไอ้เรื่องแบบนั้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมีล้นทะลัก
จนแทบจะแยกข้อมูลจริงและเท็จจากกันไม่ออก
สิ่งที่สนใจคืออะไรที่ทำให้คนจำนวนมาก
ออกไปรวมตัวกันได้ขนาดนั้น? หากเป็นม้อบสั้นๆ
ไม่กี่วันอันนี้พอเข้าใจ แต่ในตอนนี้
ระยะเวลาผ่านสัปดาห์แรกจนใกล้สิ้นสุดสัปดาห์สอง
รอบอนุสาวรีย์ยังคงถูกจับจองไปด้วยฝูงคนจากทั่วทุกสารทิศ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เหล่านั้นยึดติดกับสถานที่แห่งนี้
วินาทีแรกที่ไปถึง ทางเดินทอดยาวที่ข้าพเจ้าก้าวเข้าไป
ในสองข้างทางเต็มไปด้วยเต้นแจกอาหารบริการอยู่โดยรอบ
มั่นใจได้ว่าผู้มาร่วมการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีอดตายแน่นอน
เต้นสีขาวฟ้าที่มีชื่อผู้สนับสนุนแปะหลาชัดเจน
ผู้คนเข้าแถวยาวเหยียดราวกับขอรับอาหารผู้ประสบภัย
ถ้าเหตุใดจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้
อาหารฟรีคนเป็นสิ่งที่ทำให้คนสินใจได้ง่ายขึ้น
เดินไปจนสุดถึงตัวอนุสาวรีย์
ทีวีขนาดใหญ่ซูมไปที่ใบหน้าคนผู้ปราศรัยอยู่บนเวที
คำพูดดูทรงพลังเมื่อผ่านการคอนโทรจังหวะอย่างดีจากผู้ที่ควบคุมเครื่องเสียง
สำเนียงหนักเบาคละเคล้ากับเสียงนกหวีดที่ดังสนั่นไม่ขาดช่วง
หากใครง่วงก็นอนหลับลงไปใกล้กันนั้น
แม่ค้านกหวีดเดินกันขวักไขว่
อาชีพให้บริการเช่าเสื่อก็ดูเหมือนเป็นที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน
ราวกับเราควรของที่ระลึกในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้
เสื้อสีดำสลักคำเท่ห์ที่แสดงถึงจุดยืน ริสแบนเรารักประเทศไทย
ข้าวของเครื่องใช้ถูกวางเรียงไว้คล้ายๆที่นี้คือตลาดนัดคลองถมเฉพาะกิจ
ชีวิตผู้คนหลากอาชีพมารวมกันให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยที่สุด
จากความคิดเล็กๆ ในการชุมนุมที่เพิ่งจะลองไปเป็นผู้สังเกตการณ์
การกระทำนี้ ข้าพเจ้าไม่อาจคาดเดาได้ว่าประเทศไทย มีอะไรบ้างที่สุญเสียไป
และสิ่งที่คาดว่าจะได้รับกลับมา มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันไหม
ถึงแม้ไม่รู้ว่าถ้าสำเร็จ หักต้นชนดอก แกนนำจะได้กำไรเท่าไรและคุ้มไหม
แต่ที่แน่ๆในวันนี้ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายไปยันวินมอไซค์ ต่างฟันกำไรกันโชะๆ
ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
"ประวัติศาสตร์มันก็เดินไปตามรอยเดิมอยู่นั้นแหละ
ตราบใดที่ธรรมชาติคนเรายังไม่เปลี่ยน ไม่ว่ายุคสมัยใหน
ก็ยังมีคนที่กระหายอยากได้อำนาจ มีคนอยากปลกแอก
มีคนอยากเปลี่ยนแปลง อยากปฎิวัติอยู่ตลอดเวลา"
หนังสือชื่อ"ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน"ได้เขียนเอาไว้พอให้ไปขบคิด
เอาเข้าจริงการชุมนุมอาจจะเป็นเพียงกิจกรรมฆ่าเวลาสนุกๆของคนซักคน
หรืออาจจะเป็นปัญหาต้นๆของคนอีกคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน ประชาธิปไตยในยุคโซเชียล
ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน
เรามีเทคโนโลยีก้าวล้ำมากมายเพียงใด
ประชาธิปไตยของประเทศไทยก็ยังมีสภาพไม่ต่างไปจากหลายสิบปีก่อนเลย
"ดอกประชาธิปไตยเบ่งบานแล้วก็ร่วง
แล้วก็งอกผลิดอกบานใหม่ วนเวียนซ้ำไปมาอย่างนี้"
ไม่รู้ว่าเวทีนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน
และยังไม่รู้ว่าจุดจบของมันจะเป็นอย่างไร
สุดท้ายประชาธิปไตยก็เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสมบูรณ์แบบได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น