วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ในร้านกาแฟ

ในร้านกาแฟ

นานๆที่จะมีโอกาสได้นั่งอยู่แถวประตูทางเข้าออก
น้อยมากที่ผมจะเลือกนั่งบริเวณนี้
แต่เนื่องจากวันนี้ฝนตก ลูกค้าในร้านเลยเยอะเป็นพิเศษ
วันนี้ผมจึงมีโอกาสสังเกตุผู้คนที่ผ่านไปมา
เพราะความที่มีคนเดินเข้าออกเรื่อยๆ
ผมคงไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าเท่าใดนัก =_="
ร้านกาแฟขนาดไม่ใหญ่นักแต่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี
แค่นั้นก็ดึงดูดลูกค้าทั้งขาจรและประจำได้พอสมควร
บางคนอาจเข้ามาแค่ซื้อเครื่องดื่ม
หรืออาจเป็นหมู่คณะ เพื่อพบปะสังสรรค์กัน
พี่อ๋อง วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
เคยกล่าวในหนังสือ "สุนทรียะแห่งความเหงา"
เอาไว้ประมาณว่า
"ร้านกาแฟเปรียบเสมือนสลัมสำหรับชนชั้นกลาง"
ผมเองก็คงจะเห็นจริงตามนั้น
ทุกคนพร้อมใจกันซื้อกาแฟราคาสูงกว่าร้านข้างทาง
พร้อมกับการเช่าที่นั้งเล็กๆ สำหรับพักกายใจหรือทำธุระชั่วขณะ
ชีวิตผู้คนในนี้จึงดูเหมือนว่ากำลังดำเนินไปอย่างเนิบช้า
เป็นช่วงเวลาที่ไม่วุ่นวายในสังคมเมือง
ผมเองมักจะมานั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟบ่อยๆ
จนพักหลัง แทบไม่ต้องสั่ง
เพียงสบตากับพนักงาน เป็นอันเข้าใจ
ไม่นานกาแฟดำแก้วหนึ่งก็ถูกเสริฟ
อย่างที่บอก ว่าวันนี้ร้านกาแฟคนเยอะเป็นพิเศษ
ผมจึงได้สังเกตุพฤติกรรมของคนหลายประเภทดี
คนที่มาเป็นหมู่คณะ ก็จะสนทนาเฮฮา
โดยไม่สนใจว่าลุงที่อ่านหนังสืออยู่ไม่ห่าง
จะชำเลืองมองบ่อยครั้งแค่ใหน
หรือในคณะที่บ้างคนเข้ามาเพื่อหาปลั้กไฟ
เพื่อเติมพลังให้gadgetต่างๆของตนเอง
และในมือก็ก้มหน้าก้มตาใช้เวลาไปกับอุปกรสี่เหลี่ยม
และก็มีประเภทที่เข้ามาพร้อมกับเอกสารกองหนึ่ง
ซึ่งผมเรียกพวกนี้ว่าพวกทำotนอกเวลาot.
บางที การนั่งเฉยๆ สังเกตุผู้คนไปเรื่อยๆ
(อันนี้ถ้าเป็นสาวน่ารักๆ ก็มักจะสังเกตนานหน่อย  )
มันก็เป็นความสุนทรียได้ในรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน
วันนี้และวันข้างหน้า ผมก็ยังคงต้องแวะมาใช้บริการ
ร้านกาแฟนี้อยุ่อีกเรื่อยๆ
อย่างน้อยก็จนกว่าผมจะออกจากมหาลัย
หรือไม่ก็โดนคนที่ผมนั่งสังเกตุต่อยเอาเสียก่อน
- แด่ความสุนทรียะในร้านกาแฟ -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น